มหาประเทศ ๔-หลักวินิจฉัยธรรม

🌷 มหาประเทศ ๔

ธรรมะข้อนี้ พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนพระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาไว้ ด้วยมีพระญาณเล็งเห็นการณ์ไกลว่า เมื่อพระองค์เสด็จเข้าสู่พระปรินิพพานเสียแล้ว พุทธบริษัท ๔ จะได้มีหลักตัดสินว่า ธรรมวินัยข้อใดที่ใช่ ธรรมวินัยข้อใดที่ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระองค์

ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงที่อานันทเจดีย์ บ้านโภคนคร ดังนี้คือ

“ถ้ามีภิกษุมากล่าวอ้างว่านี่เป็นธรรม นี่เป็นวินัย พวกเธอไม่พึงชื่นชม ไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของภิกษุนั้น ครั้นแล้วให้พึงเรียนบทและพยัญชนะให้ดี แล้วนำไปสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย (แสดงว่าพระอภิธรรมปิฎกยังไม่มีในพุทธกาล)

ถ้าหากลงในพระสูตรไม่ได้ เทียบเคียงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี่ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคย์แน่นอน และภิกษุนี้จำผิดมาแล้ว ดังนั้น พวกเธอพึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย

แต่ถ้าสอบสวนลงในพระสูตรได้ เทียบเคียงในพระวินัยได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี่เป็นคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคย์แน่นอน และภิกษุนี้จำมาถูกต้องแล้ว”

จากมหาประเทศ ๔ ที่ได้ทรงแสดงในพรรษาสุดท้าย แสดงว่าพระพุทธองค์มีพระญาณแลเห็นการณ์ไกล จึงได้ทรงวางหลักเพื่อให้พุทธบริษัทได้ใช้ สำหรับวินิจฉัยธรรมของพระองค์ซึ่งมีอยู่มากมายได้

ถ้าหากมีผู้บัญญัติธรรมะข้ออื่นแปลกปลอม เพิ่มเติม ดัดแปลง หรือตัดทอนให้ผิดไป เกินไป เพี้ยนไป คลาดเคลื่อนไปจากเดิมแล้ว จะได้มีหลักสำหรับตัดสินอย่างถูกต้อง

หลักฐานอีกประการหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ โดยทรงปรารภถึงพระสาวกว่า

“โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา” แปลว่า “ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัยใด ที่เราได้แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่เธอทั้งหลาย ธรรมและวินัยนั้น จักเป็นศาสดาแทนเรา ปกครองท่านแทนเมื่อเราล่วงลับไปแล้ว”

ดังนี้ แสดงว่า พระอภิธรรมปิฎก ยังไม่มีในครั้งพุทธกาลอย่างชัดแจ้ง